สิ่งที่ต้องเตรียม และการวางแผนก่อนเดินภูกระดึง
เลือกช่วงการท่องเที่ยวก่อน
เลือกเป้าหมายก่อนว่าคุณอยากไปเที่ยวแบบนี้เพราะช่วงเดือนแต่ละเดือนบนภูกระดึงมีสภาพแตกต่างกันสรุปคร่าวๆ ได้ 3 ช่วงคือ- ช่วงเที่ยวน้ำตก ควร ไปช่วงเดือนตุลาคมที่ทางอุทยานเปิดให้ขึ้นไปได้ ช่วงนี้ยังมีฝนอยู่น้ำตกจะมีน้ำเยอะ อากาศจะชื้น ตะไคร่น้ำเกาะก้อนหินเขียว ขอนไม้เขียวๆ สวยดี
- ช่วงใบเมลเปิ้ลสีแดง ช่วง ที่ใบเมเปิ้ลแดงเต็มต้นมักจะเป็นกลางเดือนธันวาคม พฤศจิกายนเขียวอยู่ๆ ส่วนปลายเดือนธันวาคมจะเริ่มร่วงๆ แล้ว ถ้าอยากถ่ายรูปใบเมเเปิ้ลไปช่วงนี้กำลังเหมาะ
- ช่วงอากาศหนาวและทะเลหมอก ถ้า อยากไปสัมผัสอากาศหนาวมากๆ แนะนำให้ไปเดือนปลายเดือนธันวาคม ในปีที่หนาวมากอาจมีโอกาสได้เห็นแม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็งตามยอดต้นไม้ใบ หญ้า โชคไม่ดีผมยังไม่มีโอกาสได้เห็น
การเตรียมตัว/สิ่งที่ควรเอาไป
- เตรียมร่างกายให้พร้อมเพราะเดินเยอะมาก
- ยารักษาโรค ยาแก้ไข้/หวัด ยานวดแก้ปวดเมื่อย พลาสเตอร์ปิดแผล
- ไฟฉายเอาที่สว่างๆ เพราะหลัง 4 ทุ่มไม่มีไฟฟ้าใช้
- เครื่องนุ่งห่มกันหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ ถุงเท้าใส่เดินทาง ถุงเท้าใส่นอน
- แชมพู โฟมล้างหน้า ครีมอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เอาเท่าที่จำเป็น ผู้ชายจะสบายหน่อยเพราะบางทีก็ใช้ครีมอาบน้ำแทนแชมพู โฟมล้างหน้าไปเลย :p
- รองเท้าผ้าใบใส่เดินทาง เอาที่พื้นหนาหน่อย ทน ใส่สบาย หลวมนิดนึงก็ดีเพราะเดินเยอะๆ เทขยาย ขาลงเป็นสุดยอดของความโหดครับ หลายท่านใส่ผ้าใบ ลงมาถึงเล็บหลุดกันไปหลายราย
ขึ้นกับว่าคล่องขนาดไหนครับ
-ใส่รองเท้าผ้าใบไม่แพงเสียดาย แต่อาจเล็บหลุดหรือพองได้
-รองเท้าแตะไม่แนะนำ
-รองเท้ารัดส้นโอเคหากไม่เป็นคนซุ่มซ่าม ดีมาก(ผู้หญิง) ไว้เดินด้านบนภูครับ
- เงิน สำคัญมากขาดเหลืออะไรไปซื้อเอา มีขายเกือบทุกอย่างที่ว่ามาข้างบน
- หมวกกันแดด ก็ถ้าขี้ร้อนกลัวแดดก็ติดไปด้วยก็ได้ครับ ครีมกันแดด ได้ใช้กันแน่ๆ เพราะแดดแรงสุดๆ
- กย. 15 หรือตะไคร้หอม (แบบฉีด ตามโลตัส บิกซีมีครับ) เอาติดตัวไปด้วยเวลาโดนทากเกาะ ไม่ควรดึงมันออกโดยตรงเพราะจะทำให้แผลหายช้า ใช้ตะไคร้หอมนี้แหละฉีดเข้าไป มันก็จะหลุดออกเอง หรือใช้ป้องกันตัวทาเท้าและขาไปก่อนเลยครับ รับรองมันไม่กล้ามาใกล้เลย
- ผ้ายืดสำหรับพันขา อาจได้ใช้ในการขึ้น-ลงภู เพราะว่าบางรายอาจมีอาการปวดมาก ถ้าได้ผ้ายืดจะช่วยได้มากพระอาทิตย์ตกที่ผา หล่มสัก การเดินจะเป็นช่วงที่ยาวไกลอาจเป็นตะคิวได้พวกที่รัดขาต่างๆ ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวเข่า ก็ใส่ผ้ารัดเข่าด้วยก็ดี ผ้ารัดน่องก็ช่วยได้เยอะครับ
ข้อแนะนำ
- ถ้าอยากถ่ายรูปเดินเดินเที่ยวชิลๆ ควรไปช่วงที่ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือไปวันธรรมดาเพราะคนน้อยกว่า
- ไม่แนะนำให้ไปช่วงคนเยอะเพราะแย่งกันกินแย่งกันใช้ คนเยอะ เสียงดัง ขยะเยอะส่วนตัวไม่ชอบเลย ไม่เหมือนเที่ยวธรรมชาติเหมือนชุมชนเมืองย้ายที่มากกว่า
- ทริปเที่ยวภูกระดึงส่วนมาก 3 วัน 2 คืน เอาเสื้อผ้า ของใช้ไปให้น้อยที่สุด ชุดนอนใส่ซ้ำก็ได้
- เครื่องนอนไม่ต้องเอาไปให้หนักขึ้นไปข้างบนมีให้เช่า
- ถ้าพักเต้นท์ต้องเอาผ้าเช็ดตัวไปเอง ถ้าพักบ้านจะมีเตรียมไว้ให้ไม่ต้องเอาไปเอง
- บ้านพักมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยแก๊ส อาบน้ำสบายหน่อย ถ้านอนเต้นท์ต้องใช้ห้องน้ำรวมมีแต่น้ำเย็น แต่ล่าสุดที่ไปตอนนี้ทางอุทยานกำลังจะติดเครื่องทำน้ำอุ่นห้องน้ำรวมที่ใกล้ กับจุดรับ-จ่ายเต้นท์ (ใกล้กับจุดรับกระเป๋าจากลูกหาบและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว)
- เอากระเป๋าไป 2 ใบก็ดีใบนึงใส่เสื้อผ้า ของใช้ อีกใบติดตัวไว้เดินเที่ยวถ้าเอาไปใบเดียววันเดินเที่ยวก็เอาของที่ไม่ได้ใช้ ไว้ที่ที่พักแล้วใช้ใบนั้นก็ได้
- รองเท้าแตะถ้าเอาไปได้ควรเอาไปด้วย
- ขาขึ้นเอาน้ำขวดเล็กติดตัวไปก็พอ ระหว่างทางอยากกินอะไรพกเงินไปซื้อเอาเพราะมีซำ (ที่พักระหว่างทาง) ค่อนข้างถี่
- ซำแฮก (ซำแรก) และซำแคร่ (ซำสุดท้ายก่อนถึงหลังแป) ชันและเหนื่อยสุดนอกนั้นก็เดินสบายๆ ครับ
- ก่อนขึ้นหรือลงภูควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะไม่มีห้องน้ำให้เข้าได้สบายทุกซำ
- เดินทางขึ้น/ลง จะพบลูกหาบแบกของ หลบให้พวกเขาก่อนแต่ละคนแบกน้ำหนักเยอะมากอย่าไปเกะกะ
- เอาถุงพลาสติกขนาดใหญ่ไปด้วยสัก 3 ถุงไว้ใส่ขยะ เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว รองเท้าแตะ ถุงเท้าที่ใส่แล้ว
- กางเกงขายาวเอาไว้ใส่นอน ส่วนเวลาเดินทางใช้กางเกงขาสั้นก็ได้เพราะกลางวันร้อนมาก หลังพระอาทิตย์ตกอากาศจะเย็นทดแทนด้วยการใส่หมวก ใส่ถุงมือได้
- ถ้าไปหน้าฝนชื้นๆ แฉะๆ อาจมีทากเยอะให้เอาสเปรย์ฉีดกันทากหรือยุงไปด้วย สำรวจร่างกายตัวเองบ่อยๆ ว่ามีอะไรเกาะอยู่หรือเปล่า
- ก่อนกางเต้นท์ซื้อปูนขาวโรยพื้นและรอบๆ ที่กางเต้นท์เพื่อนกันทาก แมลงด้วย
- ถ้านอนเต้นท์ตอนกลางคืนน้ำค้างลงจัดให้เช่าผ้าใบไว้รองเต้นท์และคลุมหลังคาเต้นท์ด้วย
- ออกนอกเต้นท์ให้เก็บของพวกของกินให้มิดชิดไม่งั้นกวางที่ออกมาขออาหารจากนักท่องเที่ยวจะรื้อเต้นท์พังเสียหายได้
- ตอนกลับลงจากภูถ้ามีกระเป๋า 2 ใบให้เอาเครื่องอาบน้ำ รองเท้าแตะติดตัวลงมาด้วยถ้ามาถึงก่อนลูกหาบจะได้อาบน้ำรอสบายๆ
- เมื่อขึ้นไปถึงหลังแปต้องเดินทางไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวต่อมีให้ เลือก 2 ทางคือเดิน 3 km กับปั่นจักรยาน 4 km แนะนำให้เดิน ทางจักรยานไม่เรียบ ปั่นลำบาก ไม่ชิลเหมือนถนนคอนกรีต เก็บเข่าไว้ตอนลงดีกว่า
- การไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นตอนเช้ามืดให้ไปรวมกันที่ศูนย์บริการ นักท่องเที่ยวก่อนแล้วให้เจ้าหน้าที่นำไป เพราะอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าได้
- การเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เตรียมของกินไปกินระหว่างทางด้วยเนื่องจากตามเส้นทางจะไม่มีร้านค้าเลย อาจจะเป็นข้าวเหนียวหมูทอดก็ได้เพราะพกง่าย เสียยาก อยู่ท้องนาน
- เส้นทางไปผาหล่มสักจะเจอภูมิประเทศ 2 แบบคือเขตป่าจะเป็นน้ำตกและทุ่งหญ้าซึ่งแดดแรงแนะนำให้พกร่มหรือหมวกกันแดด ไปด้วย ส่วนขากลับเดินเรียบหน้าผาเตรียมไฟฉายสว่างๆ ไปด้วย
- เส้นทางไปผาหล่มสักถ้าไม่อยากเดินมากถ้าถึงสระอโนดาตแล้วเลี้ยวขวาตัดไป ที่ผาเหยียบเมฆก็ได้แล้วค่อยเดินต่อไปผาหล่มสัก ถ้าอยากเดินชมธรรมชาติระหว่างทางก็เดินเส้นทางปกติ
- ช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อยลูกหาบก็จะน้อย ฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ให้ดีว่าให้ไปติดต่อลูกหาบได้เวลาใดบ้าง
- ช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะควรไปติดต่อไว้แต่เนิ่นๆ เหมือนกันจะได้คิวเร็วๆ
- ระหว่างเดินทางพกถุงพลาสติกไว้เป็นถุงขยะด้วย
- หลังจากพักแรมเสร็จเก็บขยะไปทิ้งในจุดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ด้วยเพราะแต่ละปีสัตว์ป่ากินเศษขยะถุงพลาสติกตายเยอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น